วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ภาษาอังกฤษมีตั้ง 12 tense จำยังไงให้ได้โดยไม่ต้องท่อง!!!

แชร์เทคนิกง๊ายยยยง่าย ภาษาอังกฤษมีตั้ง 12 tense จำยังไงให้ได้โดยไม่ต้องท่อง!!!

ในเมื่อ AEC ก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ภาษาอังกฤษดูจะมีความสำคัญขึ้นมาเรื่อย ๆ
เรียนกันมาสิบกว่าปี แต่ แหมมม๊ ไม่เข้าใจ จำไม่ได้ซักที วันนี้เอมเลยมีเทคนิกง่ายๆในการจำ tense ทั้ง 12 มาบอกจ้าาา ^___^

เตรียมใจให้พร้อม อาจจะยาวเล็กน้อย แต่คอนเฟิร์มเลยว่าไม่ยากแน่นอน
เพราะจะยังไม่ลงรายละเอียดเรื่อง tense ไหน ใช้เมื่อไหร่ ใช้ยังไงน้า จะมาสอนทริคการจำให้ได้แบบง่ายๆก่อน

-------------------------------------------------------------------------------------

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ประโยคในภาษาอังกฤษเค้าจะไม่เหมือนภาษาไทยนะมันจะมีการเปลี่ยนแบบรูปแบบของประโยคไปตามเวลาที่พูดถึงซึ่งรูปแบบประโยคที่ต่างๆกันออกไปที่เราเรียกกันว่าเจ้า "tense" เนี่ย จะใช้เพื่อบอกว่าสิ่งที่เค้าพูดถึงว่า มันคือตอนไหน เมื่อไหร่  ต่อเนื่องมั้ย พึ่งเสร็จไป อะไรยังไง แบบนี้ เราก็เลยต้องมาเข้าใจมันหน่อย เพื่อที่จะได้เอาไปใช้ให้มันพูด สื่อสารให้ได้ชัดเจนที่สุดว่าสิ่งที่เรากำลังพูดถึงเนี่ยมันเกิดตอนไหนนะ 
จะได้เป็นสาวยุคใหม่พ่นอังกฤษไฟแล่บบบ ไม่ตกม้าตายไปกับ AEC ฮี่ก่อบก่อบบ 


มาพักกันหน่อย หายใจเข้าลึกๆซักหนึ่งฮึบ เราจะเริ่มกันจริงๆแล้ววว
ฟื ด ด ด ด ด ด ด ด . . . . (นั่นเสียงหายใจเข้าหรือสูดขี้มูก 5555)

>> คลิกเพื่อดาวน์ไฟล์โหลดรูป <<
แนะนำให้เปิดรูปดู พร้อมกับอ่านไปด้วยนะคะ จะได้ไม่งง

มาเริ่มกันเลย  :D

ก่อนอื่นเราดูตารางคร่าวๆ ก็จะเห็นว่าตารางนี้ มี 4 คอลัมน์ กับอีก 3 แถว รวมทั้งหมดไฝว้กันออกมาได้เป็น 12 ช่อง
โดยที่หัวตารางด้านบนในแนวตั้ง จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า tense จะมี 4 อัน คือ
1.Simple   2.Continuous  3.Perfect  4.Perfect Continuous
 
ส่วนหัวตารางด้านซ้ายในแนวนอนจะเป็น time (เวลา) จะมี 3 อัน คือ
1.Present   2.Past   3.Future ก็คือ ปัจจุบัน, อดีต, อนาคต 
นั่นเอง

-------------------------------------------------------------------------------------

-------------------------------------------------------------------------------------

ทีนี้เราค่อยๆมาดูไปด้วยกันทีละคอลัมน์ในแนวตั้งนะ เวลาอ่านชื่อ tense ก็อ่านช่องด้านซ้ายก่อน แล้วก็ต่อด้วยช่องด้านบน

ช่องแรกคือ Simple ง่ายสุดเลย 


• Present Simple ก็แบบที่เราเรียนกันมาง่ายๆเลย Sub + V1 (เติม s/es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์) 
• Past Simple ก็ง่ายอีก Sub + V2 ไปเลย ในเมื่อ V2 มันก็คือกริยาที่ใช้สำหรับในอดีตอยู่แล้วใช่มะะ 
• Future Simple ก็ง่ายอีก เราเอา Sub + will + Vinf โดยที่คำว่า will แปลว่า "จะ" มันจะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยในประโยค ตามด้วย Vinf ก็คือ Verb ที่ไม่เปลี่ยนไม่เติมอะไรใดๆทั้งสิ้น หรือแบบที่เราจำกันมาตลอดว่า Sub + will + V1 นั้นแหละ เราก็จำว่า ถ้าจะบอกว่า จะทำนู่น จะไปนี่ จะเอานั่น เราก็แค่ใช้ will + verb ข้างหลังที่ไม่ต้องไปเติมไรให้มันอีก เพราะ will บอกไปหมดแล้วว่ามันเป็นอนาคต เราเหลือแค่ต้องบอกว่าจะทำอะไร แค่นั้นพอ อย่าเยอะ!
ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I will eating. I will eaten. ผิดทันที !!!!!!!!!!

.   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .


(รูปเดียวกันกับข้างบน)

ช่องที่สองคือ Continuous รูปประโยคของมันจะเป็น V. to be + Ving (Verb to be ก็คือ is am are เป็น อยู่ คือ ที่ท่องกันมานั้นแหละะะะ)


" มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to be + Ving โดยที่เราผันตัว V.to be ไปตามเวลาของมัน แต่ Ving คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Continuous คือ Ving "

• Present Continuous ก็เลยจะเป็น Sub + is/am/are + Ving ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I'm kicks. I'm loves. ผิดทันที!!! แต่ถ้าเจอ I'm kicked. I'm loved. อาจจะไม่ผิดนะ เป็นรูปประโยคแบบ Passive Voice ต้องแปลความหมายเอา แต่พวก I'm said.... งี้ ผิดทันที!
• Past Continuous รูปประโยคแบบเดิมเปี๊ยบบบบ แต่เราผันตัว is/am/are ให้กลายเป็นอดีตไปซะ ก็จะได้เป็น Sub + was/were + Ving
• Future Continuous พอเป็นอนาคต เราก็ต้องใช้ will มาบอกว่าเรา "จะทำ" ใช่ม่ะ แล้วหลัง will มันต้องไม่เปลี่ยนไม่เติมอะไร เราก็เลยได้เป็น  Sub + will + be + Ving ไอ่ be ตรงกลางนั่นมันก็มาจาก V. to be ไง จำได้มั้ยรูปประโยคต้องเป็น V.to be + Ving ตลอด 

สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Continuous ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน 
จะมีกรอบสีเหลืองที่เป็น V.to be ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีส้ม คือ Ving ตลอด !!!!!!!!!

.   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .


ช่องถัดมาคือ Perfect รูปของมันจะเป็น V. to have + V3 ที่ดูเหมือนยาก แต่ก็ไม่ยากเลย


เหมือนเดิมเลยนะ

" มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to have + V3 โดยที่เราผันตัว V.to have ไปตามเวลาของมัน แต่ V3 คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Perfect คือ V3 "

• Present Perfect ก็เลยเป็น Sub + has/have + V3 ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (He,She,It, คน สัตว์ ของ 1 อัน) ก็ใช้ "has" ถ้าเป็นพหูพจน์ (You,We,They, คน สัตว์ ของมากกว่า 1) ก็ใช้ "have" 
• Past Perfect ก้แบบประโยคเหมือนเดิม แต่เราต้องทำ has/have ให้มันเป็น ช่อง 2 ไง เพราะ V2 คือ V ที่บอกอดีต แล้วช่อง 2 ของ has/have ก็คือ had เราเลยได้เป็น Sub + had + V3 อุต่ะะะ ง่ายจิมจิม!!
• Future Perfect พอเป็นอนาคตก็ต้องบอกว่า "จะ..." เหมือนเดิม ก็ยัดมันเข้าไปเล้ยยย ได้เป็น Sub + will + have + V3 เพราะหลัง will บอกแล้วว่า verb มันต้องธรรมดา อย่าเยอะ ไม่เติม ไม่เปลี่ยน เลยต้องกลับมาใช้ have ธรรมดา แล้วก็ตามด้วย V3 ซะ ได้ Perfect ด้วย แล้วยังเป็น Future อีกตะหาก  
**และใช้ have อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ has จำซะว่าเราเน้นบอกว่ามันเป็นอนาคต ส่วน Perfect เราแค่มี have + V3 มันก็ perfect แล้วไง ไม่ต้องไป has ให้มันเยอะ!!**
ดังนั้นเมื่อไหร่ใช้ will has ..... หรือ will had.....  หรือ will v3..... ผิดทันที !!!!!!!!

สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect ในแนวตั้ง ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน 
จะมีกรอบสีพีชที่เป็น V.to have ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีชมพู คือ V3 ตลอด !!!!!!!!!

.   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .   .

เกือบจบแล้วววว หยุดพักหายใจซักฮึบ แล้วมาลุยกันต่อ :D


สุดท้ายยยยยก็คือ Perfect Continuous ซึ่งจริงๆมันก็ง่ายๆ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Perfect Continuous มันก็เลยต้องมีทั้ง Perfect คือ have + V3 แล้วก็ Continuous ก็คือ Ving ด้วย รูปประโยคของมันก็เลยเป็น Sub + V. to have + V.3 (ซึ่งในที่นี้คือ been ซึ่งเป็นช่อง 3 ของ be) + Ving


อันนี้อาจจะดูมึนๆ ยาวๆหน่อย แต่ไม่ยากเลย ค่อยๆอ่านนะคะ

• Present Perfect Continuous จากรูปแบบมันเราเลยได้เป็น Sub + has/have + been + Vingโดย has/have been ก็บอกความเป็น perfect ส่วน Ving ก็บอกความเป็น Continuous ! จับมาต่อกัน แค่เนี้ยยยยยย
• Past Perfect Continuous ก้จับ has/have มาทำเป็นอดีตซะ ที่เหลือไม่ต้องไปเปลี่ยน อย่าเยอะ!!!!! ก็ได้เป็น Sub + had + been + Ving นั่นง่ะะ had ก็บอกว่าเป็นอดีต แล้ว had+been ก็บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous ครบบบบบ !!!
• Future Perfect Continuous เป็น future เมื่อไหร่ ใช้ will เมื่อนั้น! มี will เมื่อไหร่หลัง will เป็น have เท่านั้น! เราก็เลยได้ว่า Sub + will + have + been + Ving โดย wil บอกความเป็นอนาคต have been บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous !!!!!
ดังนั้นเมื่อไหร่ใช้ will + has + been + Ving ผิดทันที !
ใช้ will + been + Ving ผิดทันที ! ใช้ will + have + be + Ving ผิดทันที !!!!!!!

สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect Continuous ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา ปัจจุบัน อดีต อนาคต 
จะมี Sub + V.to have ในกล่องสีพีช + been แล้วตบท้ายด้วย Ving ตลอด !!!!!!!!!!!

-----------------------------------------------------------------------------------------

จบแว้วววววว 12 tense  เห็นมั้ยง่ายนิดเดียว :D
ใครยังไม่เข้าใจ ลองดูในภาพตารางอีกซักรอบ แล้วดูความสัมพันธ์ของแต่ละช่องในแนวตั้งนะคะ
จะเห็นว่า เอ๊ะ มันมีตัวสีส้มเหมือนกันเลย สีชมพูเหมือนกันเลย ค่อยๆดูไปทีละนิดนะคะ ^___^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น